กระทู้เด็ด พันทิป เว็บบอร์ด Lisa 118
ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในพันทิปขณะนี้
นางตานี เป็นผีผู้หญิง เช่นเดียวกับนางตะเคียน นางตานีจะสิงสถิตย์อยู่ในต้นกล้วยตานี อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ต้นกล้วยตานีทุกต้นจะมีพรายตานีสิงสถิตย์อยู่ ลักษณะของพรายตานีโดยทั่วไปจะเป็นหญิงงาม นุ่งห่มตามแบบสตรีไทยโบราณ สไบสีตองอ่อน ผ้านุ่งโจงสีตองแก่ กลิ่นกายหอมดอกกล้วย
เรื่องการเรียกพรายตานีนี้มีหลายตำนาน บ้างก็ว่าให้ชายที่ต้องการเรียกพรายตานีมาปัสสาวะรดโคนต้นกล้วยที่กำลังออกปลีใหม่ ๆ บ้างก็ว่าให้เอาของลับถูกับโคนต้นกล้วย
ต้นกล้วยตานี เป็นที่สิงสถิตของ พรายนางตานี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนรุ่นเก่า พรายนางตานีนี้ว่ากันว่า มีหน้าตาสวย มีกลิ่นตัวหอม ไว้ผมยาว ฝ่ามือฝ่าเท้าแดงอ่อนดุจตีนนกพิราบ ริมฝีปากมีสีเหมือนตำลึงสุก ถ้ากล้วยตานีมีลำต้นอวบ พรายนางตานีก็มีรูปทรงท้วม ถ้ามีลำต้นโปร่งเปลา พรายนางตานีก็มีรูปทรงฉลวย
โดยเหตุที่พรายนางตานีเป็นผี ชาวบ้านจึงไม่กล้าปลูกกล้วยตานีไว้ใกล้เรือน แม้จะปลูกไว้ใกล้เรือน ถ้าจะตัดเอาใบตองไปใช้ ก็ห้ามไม่ให้ตัดเอาไปทั้งใบ ต้องเจียนเอามาแต่ใบตองเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องหักก้านเสียก่อน เพราะถ้าตัดเอาเข้ามาในเรือนทั้งใบ ถือเป็นลางร้ายว่าจะมีใครในบ้านนั้นตายลงในไม่ช้า ทั้งนี้เห็นจะเนื่องจากคติเดิมที่ใช้ใบตองกล้วยตานีสามใบรองก้นโลงศพ
กล้วยตานีนี้ถ้าคราวออกปลี จะมีพิธีพลีพรายนางตานี เครื่องพลีมีหัวหมูบายศรี สำรับคาวหวาน ของหวานก็มีขนมต้มแดงต้มขาว นอกจากนี้ยังมีข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน น้ำหอมและเครื่องหอม มีแป้งกระแจะจันทน์ เป็นต้น เอาแหวนและสร้อยทองคำไปคล้องที่งวงปลีกล้วยเป็นเครื่องประดับ และนำผ้าผืนหนึ่งจะเป็นสีแดงหรือสีอะไรก็ได้ ไปพันรอบต้นกล้วยตานี เป็นต่างว่าได้นุ่งห่มให้แก่พรายนางตานี ขอให้คุ้มครองรักษาคนในบ้าน และให้มีลาภ บางทีมักนิยมนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดมนต์ทำบุญด้วย บางทีหมอที่ทำพิธี เมื่อเซ่นวักแล้ว นำดอกในปลีกล้วยตานีไปตากแดดให้แห้งแล้วบดให้เป็นผงผสมกับผงอิธเจ คือผงของดินสอขาวที่ลงยันต์ซึ่งเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับใช้ในทางให้เกิดเสน่ห์ เป็นเมตตามหานิยม บางทีก็เอาดอกในปลีกล้วยตานีไปใส่ไว้ในตลับสีผึ้งสีปากซึ่งปลุกเสกแล้ว ใช้สำหรับสีปากเพื่อให้เกิดเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยมเช่นเดียวกัน เมื่อใช้สีผึ้งนี้สีปากแล้ว แย้มปากพูดออกมาก็มีเสน่ห์ กระทำให้ผู้ใหญ่มีเมตตา ถ้าเป็นผู้หญิงสาวก็ทำให้เกิดความรักขึ้นมาได้ทันที ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้หญิงทาสีผึ้งนี้แล้ว เมื่อแย้มปากพูดออกมา ผู้ชายก็จะเกิดความรักขึ้นในทันทีเช่นเดียวกัน
ถ้ากล้วยตานีที่ทำพิธีเซ่นวักแล้วออกปลีกลางต้น ก็ถือกันว่ากล้วยตานีนั้นเกิดมีพรายนางตานีขึ้นแล้ว กล้วยตานีที่ออกปลีกลางต้นนี้ พวกชายหนุ่มที่ยังเป็นโสดอยู่ ถ้าเป็นผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับพรายนางตานี ก็จะไปทำพิธีเซ่นวัก เป็นทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แล้วไปที่ต้นกล้วยตานีนั้นในเวลากลางคืนทุกคืน สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ พอไปถึงก็กล่าวคำเกี้ยวประเล้าประโลมพรายนางตานี ต้องตั้งความเพียรไปเกี้ยว จนกว่าพรายนางตานีจะใจอ่อนเห็นอกเห็นใจ แล้วเอามีดเฉือนตอนโคนกล้วยที่มีลักษณะเป็นเหมือนเหง้า เอามาก้อนหนึ่งแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงใส่ตลับหรือภาชนะอื่นไว้ และต้องเซ่นวักทุกเช้าเย็น ทำอย่างนี้อยู่หลาย ๆ วัน พรายนางตานีก็จะมาปรากฏร่างให้เห็นในความฝัน เป็นผู้หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม สมดั่งใจที่เคยนึกเคยพะวงเป็นจินตนาการมาก่อน แล้วนางจะยอมตนเป็นเมียผู้นั้น อันเป็นความฝันอีกเหมือนกัน เมื่อได้นางพรายตานีเป็นเมียแล้ว ชายคนนั้นจะไปมีเมียอื่นอีกไม่ได้ ถ้ามีก็มักเป็นอันตราย ถ้าต้องการจะมีเมียจริง ๆ ก็อาจทำได้ โดยบอกกล่าวขออนุญาตพรายนางตานีเสียก่อน พรายนางตานีเป็นเมียที่ดี เมื่อเห็นสามีซื่อสัตย์ไม่ปิดบังความจริง ก็จะอนุญาตให้มีได้ ซ้ำยังจะช่วยเหลือเพื่อให้การนั้นสำเร็จไปด้วยดีอีกด้วย ไม่มีหึงหวงแยกเขี้ยว หรือร้องไห้ตีโพยตีพายเหมือนเมียมนุษย์
บริเวณสวนกล้วยตอนกลางคืน บรรยากาศเงียบสงัด ฟ้ามืด....เงาผู้ชายเดินผ่านระหว่างแถวต้นกล้วย จนเงานั้นพาดผ่านต้นกล้วยที่ปลูกอยู่เป็นแนวยาว
ลมพัดต้นกล้วยตานีสั่นไหวอย่างรุนแรง
ตอนเช้า ที่มุมหนึ่งมีชาวบ้านเคลื่อนไหวคึกคักมุงดูอะไรอยู่ จนรถตำรวจวิ่งเข้าไปที่ชาวบ้านซึ่งมุงอยู่....ตำรวจรีบออกจากรถและแหวกชาวบ้านเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นสภาพศพของผู้ชายนอนตายอยู่อย่างน่ากลัว คล้ายกับการมีความสุขสุดยอดจนขาดลมหายใจ
"อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลย นานๆจะได้ทานอาหารอร่อยๆแบบนี้สักที อ้วนก็ยอมแล้วล่ะ ขอบใจเธอมากนะเศก"
"ชวนมาร้านนี้ตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมมา เป็นไงล่ะ หัวหน้าเชฟที่นี่เขาเคยอยู่ร้านระดับ มิชิลิน สตาร์ เลยนะ ซี"
"บ้าสิ ... ไม่ใช่หญิงซะหน่อย ถึงใช่คนอย่างเศกเปิดเผยอยู่แล้ว ไม่มีกั๊ก"
"ยังไงกันคะ เศก โทร.ตามจิกแบบนี้"
"ฉันว่ารับสายไปเถอะ เดี๋ยวฝั่งโน้นจะอกแตกตาย"
"ซี ตัดสินใจได้หรือยัง ว่าจะสั่งของหวานอะไรดี"
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยเธอ"
กริชชายในชุดสูทอย่างดีดูน่าเกรงขามพร้อมคนขับรถ เดินตรงมาที่โต๊ะของเศก....กริชกดโทรศัพท์
โทรศัพท์เศกสั่นอีกครั้ง เศกยกขึ้นจะปิดแต่ เขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียง
"ไม่ยอมรับสาย หรือว่าเราเป็นคนแปลกหน้ากันไปซะแล้ว เศก"
"โธ่ อากริช ทำไมพูดแบบนั้น ผมทานข้าวเสร็จผมก็โทร.กลับเองแหล่ะ"
"ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้วยนะ ที่มาขัดจังหวะ พอดีเจ้าหลานผมคนนี้มันตามตัวยาก"
"อ่อ ไม่เป็นไรคะ"
"วันนี้วันสำคัญ อากลัวเศกลืมเลยมารับด้วยตัวเอง"
"อากริช มาก็ดีแล้ว มื้อนี้อากริชเลี้ยงผมเลยแล้วกัน ผมกับซีขอตัวไปก่อนนะ....พอดีไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย...แล้วเจอกันนะครับ"
เศกพาซีลุกจากโต๊ะซึ่งซีก็ดูจะไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่...กริช ยืนขวางแล้วพูดด้วยเสียงเรียบขรึมแต่ทรงพลัง
"เศก อย่าดื้อนักเลย....อาขอล่ะ"
"อากริช แก่แล้วยังไงก็จับผมไม่ได้หรอก อย่ามาขู่"
"งั้นลองดูซักตั้งมั๊ยล่ะ"
"ผมล้อเล่น ใครจะไปกล้าข้ามรุ่น"
"นี่มันอะไรกัน ชั้น งง ไปหมดแล้ว"
"ไม่ต้อง งง หรอก เดี๋ยวมีเรื่องให้ งง กว่านี้อีก"
รัตติกาลขึ้นเสียง
"จะให้ฉันแกล้งเป็นแฟนนายเนี่ยนะ"
"เอาน่า ช่วยผมหน่อย พรุ่งนี้เป็นวันเกิดพ่อผม ผมอยากให้ท่านสบายใจที่เพลย์บอยอย่างผมมีแฟนหน้าตาดี ฉลาดและมารยาทงาม"
"จะบ้าเหรอ ฉันไม่เล่นบ้าๆแบบนี้ด้วยหรอก พ่อนายรู้เข้าชั้นจะโดนตำหนิเอา"
"ซี คุณก็รู้นี่ว่า พ่อผมเขามองผมแบบไหน ผมยังทำตัวเลื้อยไปเลื้อยมาแบบนี้ พ่อผมคงผิดหวัง แล้วนึกว่าช่วยให้พ่อผมสบายใจก็แล้วกัน นะ ซี"
"ครั้งเดียวเลยนะ แล้วห้ามทำอะไรบ้าๆบอให้ฉันต้องเสียคนด้วย เข้าใจนะ"
"ได้เลยจ้ะที่รัก"
"ที่รักอะไร ของนาย"
"ซ้อมไว้ก่อนสิ ซีคุณนี่ไม่อินเลย ไปที่รัก...เราไปลองชุดสวยๆกันดีกว่านะ อืม .... ผมว่าชุดสีแดงก็เหมาะกับคุณดีนะ"
"ไม่ต้องเลยจ้ะ ชั้นเลือกของชั้นเองได้"
เศกป่วนซี ทั้งสองคนออกแนวน่ารักปนฮา
ตอนหัวค่ำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้ง....ดารการเดินออกมารับโทรศัพท์
"สวัสดีคะ"
"นั้นหลานดาหรือเปล่า"
"ใช่คะ..ดาเองคะ...คุณลุงสบายดีนะคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะคะ....เมื่อไหร่จะเข้ากรุงเทพคะ"
"ลุงมีเรื่องอยากขอคำปรึกษาหน่อย"
ดารการฟังลุงเล่าเหตุการณ์บางอย่างให้ฟัง....สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจ...กังวล
ดารการนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก...อาจารย์วิเศษกลับจากที่ทำงานเดินเข้าในห้อง... วิเศษมองหาลูกสาว...ก่อนเดินมานั่งตรงข้ามกับดารการอย่างสบายๆ...
"ลูกยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ"
"เห็นว่าวันนี้จะกลับค่ำหน่อยคะ...เตรียมจัดกิจกรรมให้มหาวิทยาลัย แล้วคุณทานข้าวมาหรือยัง"
"ยังเลยจ๊ะ...เราออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีมั้ย"
ดารการเสียงเครียด
"คุณคะ...เมื่อเย็นนี้ลุงนพโทร.มาหาดาคะ"
"ลุงนพที่สุโขทัยนะเหรอ...ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ"
วิเศษเห็นสีหน้าผิดปกติของดารการ
"แกมีเรื่องอะไรหรือเปล่าจ๊ะ"
"คุณลุงโทร.มาจะขอคำปรึกษากับคุณคะ"
วิเศษสงสัยว่าเรื่องอะไร
วันใหม่ รถที่อาคมขับวิ่งผ่านป้ายบอกระยะทางที่จะถึงจังหวัดที่ลุงนพอยู่
อาคมเป็นคนขับ วิเศษนั่งด้านหน้า จอห์นนี่นั่งหลับคู่อยู่กับมหาเนิร์ดที่เบาะหลัง
"นายกอลูกลุงนพตอนเสียชีวิตน้ำหนักเหลือไม่ถึง 50 กิโล ทั้งๆที่ก่อนนี้ไม่ถึงเดือนยังหนักเกือบเก้าสิบโล"
"ไม่ถึงเดือนผอมลงไปเกือบสี่สิบโลเลยหรือครับ"
มหาเนิร์ดบอก "ไม่น่าเป็นไปได้นะครับอาจารย์"
"แกป่วยหรือไม่สบายหรือเปล่าครับ...ประเภทที่ว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับ" อาคมถาม
"ไม่นะ...ลุงแกบอกว่าก็ปกติ แค่เงียบขรึมขึ้นเท่านั้น แถมยังออกไปเที่ยวนอกบ้านน้อยลงอีก...
แต่ที่แปลกก็คือ.....สาเหตุการตาย"
"รวมทั้งสามศพที่ตายก่อนหน้านั้นใช่มั้ยครับ" มหาเนิร์ดถาม
ภาพคนตายที่ดงกล้วย 4 ศพในสภาพแตกต่างกัน ถูกติดไว้บนบอร์ด...จะมีภาพมือของผู้ตายที่กำใบกล้วยไว้ทุกศพ ...นายกอ ผู้ตายคนสุดท้ายเป็นลูกของลุงนพ
"จากสี่ศพที่เราเจอ...ทุกคนเสียชีวิตในดงกล้วยท้ายหมู่บ้าน สาเหตุและการเสียชีวิตของแต่ะคนแปลกมาก แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ทุกศพจะมีการหลั่งน้ำอสุจิ เหมือนเพิ่งเสร็จจากการมีเพศสัมพันธ์
และในมือของผู้ตายทุกคนจะกำใบกล้วยอยู่ด้วย"
"เสียชีวิตในดงกล้วย หรือเสียชีวิตที่อื่นแล้วถูกนำศพมาทิ้งในดงกล้วยครับ" อาคมถามให้แน่ใจ
"ผลจากการชันสูตรศพ และหลักฐานต่างๆทำให้เรากล้าระบุว่า ทุกคนเสียชีวิตที่ดงกล้วยครับ"
"ผมขอดูหลักฐานที่ว่าทุกคนมาเสียชีวิตในดงกล้วยหน่อยซิครับ" วิเศษบอก
ผู้กองค้นเอกสาร
"อย่างรายล่าสุด...คุณกอลูกกำนันนพ"
ผู้กองหันไปมองลุงนพที่นั่งหน้าเศร้าอยู่
"เราสอบปากคำพยานแวดล้อมทั้งที่บ้านและสถานที่ที่คุณกอไปเที่ยวแล้ว เมื่อคืนคุณกอออกจากบ้านตอนสองทุ่ม ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ร้าน...... และพอสี่ทุ่มสิบห้า คุณกอก็พาเด็กเสิร์ฟที่ร้านไปที่โรงแรมม่านรูด เด็กเสริฟบอกว่าออกจากโรงแรมเกือบเที่ยงคืน ต่างคนต่างแยกย้ายกัน"
ทุกคนตั้งใจฟังผู้กองบรรยายโดยเฉพาะจอห์นนี่
"เราพบรถมอเตอร์ไซด์คุณกอจอดห่างจากจุดเกิดเหตุ 200 เมตร มีรอยเท้าเดินจากรถเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ....ซึ่งเป็นรอยรองเท้าของคุณกอเอง เราไม่พบร่องรอยของบุคคลอื่นๆ อยู่ในบริเวณนั้นเลยครับ
และหมอก็ยืนยันว่าเสียชีวิตระหว่าง เที่ยงคืนครึ่งถึงตีหนึ่งครับ"
จอห์นนี่บอก
"ผมอยากรู้ว่าสามศพก่อนหน้านี้...ก่อนตายไปทำอะไรมาก่อนครับ"
ผู้กองเปิดแฟ้มเอกสารแต่ละแฟ้ม....
"นายเร่งออกมาจากบ้านแฟนเก่า นายยอดจากบ้านเมียเก่าที่เลิกกันมาตั้งนานแล้ว ส่วนนายปานพานักร้องไปนอนม่านรูดแล้วไปส่งที่บ้าน"
จอห์นนี่ดีดนิ้วอย่างเป็นไปอย่างที่คิด....ทุกคนมองจอห์นนี่....จอห์นนี่มองหน้าทุกคนและมาหยุดที่อาจารย์วิเศษ...
ลุงนพขับรถ วิเศษนั่งด้านข้าง....ลุงนพเหลือบตามองอาจารย์วิเศษ ก่อนตัดสินใจถาม
"อาจารย์เชื่อว่าเป็นการกระทำของผีนางตานี ที่ไม่ยอมให้ผัวตัวเองนอกใจไปมีคนอื่น เหมือนที่ฝรั่งคนนั้นพูดเหรอ"
"ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อตามนั้นนะครับ แต่สภาพแวดล้อม หลักฐาน เท่าที่มีมันบ่งชี้แบบนั้น"
"ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด....เจ็ดสิบกว่าปีไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลยนะ"
"นั้นแหละครับที่พวกผมต้องการรู้คำตอบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไง"
รถลุงนพขับนำรถอาคมเข้ามายังสวนกล้วยท้ายหมู่บ้าน...ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ก็ไม่มีชาวบ้านเข้ามาใกล้...บรรยากาศเงียบ วังเวง... ลุงนพพาทั้งหมดเดินหายเข้าไปในดงกล้วย
ลุงนพพาทั้งสี่คนเดินเข้ามายังจุดที่นายกอเสียชีวิต ยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ จอห์นนี่เดินสำรวจต้นกล้วยเหมือนหาอะไรอยู่ มหาเนิร์ดเอาเครื่องวัดพลังงานแม่เหล็กออกมา แต่เครื่องวัดค่าอะไรไม่ได้เลย
จากนั้น ลุงนพพาไปยังจุดเสียชีวิตของอีกสามคน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน...บรรยากาศวังเวง น่ากลัวเช่นกัน
มหาเนิร์ดบอก
"เสียดายนะที่ซีไม่ได้มาด้วย...พลังจิตของซีอาจจะช่วยเฉลยอะไรหลายๆอย่างได้"
"ก็โทร.ตามมาซิ...ไม่เห็นจะยากอะไร" จอห์นนี่บอก
"ไม่เป็นไรหรอก...ให้ซีเค้าช่วยจัดการธุระสาคัญของเศกก่อน ถ้าเสร็จเร็ว เดี๋ยวเค้าก็คงรีบตามมากันเอง" วิเศษบอก
อาคม...สงสัยว่าซีไปช่วยเศกเรื่องอะไร
ต้นกล้วยตานีต้นใหญ่ขึ้นอยู่กลางดงกล้วย บริเวณรอบๆจะเห็นซากเครื่องเซ่นไหว้กระจัดกระจายอยู่รอบๆ...มีผ้าแพรสีแดงพันอยู่รอบต้นกล้วยตานี....จอห์นนี่สบตากับอาจารย์วิเศษ
"การบวงสรวงโดยเฉพาะตอนกลางคืน จะเป็นการปลุกนางตานีให้ออกมา" วิเศษบอก
ลุงนพบอก
"เมื่อเดือนที่แล้ว ลุงผ่านมาแถวนี้ยังไม่มีพวกเครื่องบวงสรวงนี้เลย"
"ลูกลุงรู้จักกับคนเสียชีวิตอีกสามคนนั้นมั้ยครับ" อาคมถาม
"พวกเค้ากับลูกลุงเป็นเพื่อนกัน"
"แล้วในกลุ่มเพื่อนๆ ยังมีคนที่มีอาการคล้ายๆกันแบบนี้มั้ยครับ"
"ลุงไม่รู้"
จอห์นนี่บอก
"ในตำราจะบอกว่าถ้าต้นกล้วยตานีต้นไหนที่มีนางตานี ถ้าตัดทำลายต้นกล้วยนั้นแล้ว...นางตานีก็จะหายไปด้วย"
"แต่ก็ไม่มีหลักฐาน หรือข้อพิสูจน์ใดๆที่จะยืนยันได้เลย" วิเศษบอก
"เพื่อความชัวร์...เราจัดการต้นนี้ก่อน ดีมั้ยครับ" มหาเนิร์ดบอก
ลุงนพพยักหน้าเห็นด้วย
พระอาทิตย์ตกที่สวนกล้วย
ต่อมา บนโต๊ะอาหารบ้านลุงนพ ....ทั้งหมดกินข้าวกันอยู่
วิเศษบอก
"มีความเชื่อกันว่านางตานีสามารถถูกปลุกให้ออกมาเป็นเมียของผู้ที่ทำพิธีปลุกนางขึ้นมา"
"แล้วปลุกกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ" อาคมถาม
"จากที่ผมเคยค้นคว้ามา มันก็ไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ...จริงมั้ยจ้อน"
"จริงครับ...ไม่ใช่ว่าต้นกล้วยตานีทุกต้นจะมีนางตานีอยู่นะครับ"
มหาเนิร์ดถาม
"อาจารย์ก็ได้แค่ค้นคว้าและเก็บข้อมูลจากคำบอกเล่าหรือจากสมุดนิทานเก่าๆ แต่ก็ยังไม่เคยเจอของจริงเลยสักครั้ง"
"เป็นไปได้มั้ยครับว่าเป็นอุปาทานหมู่" อาคมถาม
"เหมือนที่ผอมลงกันทุกคนนะเหรอครับ" มหาเนิร์ดบอก
"ในตำราอ้างว่า การที่ผู้ชายที่เป็นผัวนางตานีผอมเพราะมีการถ่ายทอดพลังชีวิตให้แก่นางตานี
เดี๋ยวถ้าเราเจอผู้ชายที่น้ำหนักลดลงผิดปกติอีกสองสามคน เราก็พอจะเข้าใกล้สาเหตุที่เกิดแล้วล่ะ"
"รออีกสักพักนะ...ลุงให้ลูกน้องแยกกันไปสอบถามเพื่อนๆที่อยู่ต่างหมู่บ้านด้วย"
บ้านพ่อเศก ตอนกลางคืน
ภายในห้องทำงานที่ดูเป็นระเบียบและตกแต่งด้วยความปราณีต พ่อเศกนั่งอยู่ที่โซฟาร์ ริมหน้าต่าง แม้ว่าเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความสง่าและมีเสน่ห์ ....น้าลัดดาเดินเข้ามาเงียบๆและมองพ่อเศกด้วยสายตาเป็นห่วง
"ไปแต่งตัวเถอะคะ ได้เวลาแล้ว อีกสักพัก เศกก็คงจะมาถึง เออ ... ปีนี้ กริชบอกว่าเศกพาแฟนมาด้วยนะ อยากเห็นจริงๆเลย ผู้หญิงที่กำราบเศกได้ ... ต้องพิเศษมากแน่ๆเลย"
"เจ้าเศกนะเหรอ นิสัยอย่างมัน จะไปยอมลงให้ใครได้นาน มีแต่ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ"
"คุณคะ วันนี้วันเกิดคุณทั้งทีอย่าหงุดหงิดสิ อีกอย่าง เศกก็โตแล้วปล่อยๆเขาบ้างเถอะค่ะ"
"ก็เพราะให้ท้ายกันแบบนี้ไงล่ะ มันถึงได้เอาแต่ใจตัวเองจนกู่ไม่กลับ กิจการที่ชั้นสร้างมากับมือคงหมดคนสืบทอด ไม่รู้มันคิดอะไรของมัน"
"เศก เขาก็ดื้อเหมือนคุณนั่นแหล่ะ อยากพิสูจน์ตัวเอง ไม่อยากให้คนดูหมิ่นว่ายืนใต้ร่มเงาที่พ่อสร้างไว้ให้ คุณอย่าคิดมากเลย ชั้นเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาเศกก็จะเข้าใจทุกสิ่งเองนั่นแหละ"
ลัดดายิ้มให้กำลังใจพ่อเศก....พ่อเศกยิ้มกลับ
น้าลัดดาเข้ามารับเศกกับรัตติกาลซึ่งเดินเข้ามาข้างในตัวบ้าน
"สวัสดีครับ น้าลัดดา"
"วันนี้แต่งตัวหล่อเลยนะเรา แล้วนี่ ..."
"รัตติกาลคะ เรียกซีก็ได้นะคะ"
"แน่ใจเหรอครับว่าพ่อผมจะดีใจ ตั้งแต่เกิดมาผมเคยเห็นพ่อผมยิ้มไม่เกิน10 ครั้ง"
"เศก ก็ชอบคิดแบบนี้อยู่เรื่อย พ่อน่ะรักเศกมากนะรู้มั๊ย น้าทำาหารค้างไว้ เศกดูแลซีไปก่อนนะ"
"ให้ซีไปช่วยด้วยดีกว่าค่ะ น้าลัดดา"
"ดีสิจ้ะ"
รัตติกาลเดินตามน้าลัดดาไป
พ่อเศกและเศกนั่งประจัญหน้ากันที่ชุดรับแขก ทั้งสองคนนิ่งเฉยเพราะไม่รู้จะคุยอะไร ความเงียบอึดอัดปกคลุมไปทั้งห้อง
"พ่ออยากให้แกมาเริ่มงานที่บริษัทได้แล้ว แกต้องเรียนรู้งานอีกเยอะ อีกไม่กี่ปีพ่อก็จะวางมือ"
"ผมยังไม่พร้อมเลยครับ ขอเวลาอีกสักหน่อยดีกว่า"
"รอให้พร้อม...พ่อว่ามันเป็นข้ออ้างของคนล้มเหลว คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาพร้อมทุกวินาที"
เศกพยายามเก็บอารมณ์ไม่เถียงพ่อ
"แล้วผู้หญิงที่พามาด้วย นี่ลูกเต้าเหล่าใคร เรียนจบที่ไหน ทำงานอะไร"
"พ่อทำยังกับผมเป็นนักโทษกำลังถูกสอบปากคำอย่างนั้นแหล่ะ น่าตลกชะมัด ... พ่อต้องเชื่อใจผมบ้าง"
"แกก็พิสูจน์ให้พ่อเห็นสิว่า พ่อควรเชื่อใจแก ธุรกิจที่พ่อสร้างมากับมือ มันจะไม่พินาศลงในรุ่นของแก"
"มันไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ ธุรกิจพันล้านกับการที่ผมจะมีชีวิตแบบไหน คบหากับใคร"
ภายในห้องครัว รัตติกาลช่วยเตรียมอาหาร น้าลัดดาดูนิ่งๆ เธอกำลังเล่าเรื่องราวของเศกให้ฟัง
"ตั้งแต่พี่รัตนาเสียไป พ่อเศกก็เปลี่ยนไปมาก เขายังโทษตัวเองตลอดเวลาว่าเป็นต้นเหตุให้พี่รัตนาตาย เศกเองก็เข้ากับพ่อไม่ได้ น้าเองก็ดูแลเศกได้แต่ตัว ลึกๆแล้วเศกก็ยังขาดความอบอุ่นเสมอ แต่ที่แย่ที่สุดก็คือ ...."
"น้ากับคุณพ่อเศกรักกันใช่มั๊ยคะ"
"จ้ะ ความรักมันก่อตัวขึ้นมา แต่เราทั้งสองก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าความห่วงใย...น้ากับพ่อเศกรู้สึกผิด มันเหมือนเราทั้งสองคนกำลังทรยศพี่รัตนา"
น้าลัดดากลั้นน้ำตาไม่อยู่
"น้าไม่อยากทนอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว บางครั้งก็อยากจะตายไปให้พ้นจากความรู้สึกบ้าๆแบบนี้ซะจริงๆ"
"น้าลัดดาคะ อย่าคิดแบบนั้นเลยนะคะ การฆ่าตัวตายมันเป็นการหนีปัญหาของคนอ่อนแอ
น้าลัดดาต้องเข้มแข็งนะคะ หนูเชื่อว่าความรักคือพลังที่บริสุทธิ์และสวยงาม น้าลัดดาจะต้องผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้ค่ะ น้าต้องใจเย็นๆ อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์นะคะ"
รัตติกาล มอง น้าลัดดาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ
"วันนี้ซีช่วยน้าทำเมนูโปรดของเศกด้วยนะ คล่องแคล่วใช้ได้เลย"
"ได้สูตรลับไปเยอะเลยคะวันนี้ ... ซีเอาไปเปิดร้านอาหารได้สบายเลย"
พ่อเศกยังคงมองนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ....รัตติกาลสบตาและยกมือไหว้พ่อเศก
"สวัสดีคะ ดิฉันรัตติกาลคะ"
พ่อเศกรับไหว้และยิ้มน้อยๆพอเป็นพิธี
"เราสองคนยังคุยกันไม่ถึงเรื่องของเธอเลย.....เธอทำงานอะไร"
"ซี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตเพื่อการบำบัดค่ะ"
"เป็นอาชีพที่แปลกดีนะ ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิว่า อาชีพนี้มันเป็นยังไง"
เศกจะห้าม แต่รัตติกาลยิ้มให้เศก
"สิ่งที่ซีทำก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนักหรอกคะ เราศึกษาด้านจิตวิทยาและนำหลักการมา
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนด้วยการสะกดจิต เพราะคนเราบางคนก็ไม่ทราบว่า ตัวเองนั้นมีความเครียดสะสมอยู่ เหมือนกับภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ใต้น้ำ"
"สังคมสมัยนี้เครียดกันมาก คนป่วยคงน่าจะเยอะน่าดูเลยนะ ซี" น้าลัดดาว่า
"ค่ะ มีหลายเคส แต่เคสที่เป็นกันมากก็จะเป็นพวกที่ไม่สามารถพูดความรู้สึกที่แท้จริงในใจออกมาได้"
"มันเป็นยังไงกัน คนเราพูดความจริงออกมาไม่ได้"
"ส่วนมากจะเป็นกับพวกที่ชอบเก็บอารมณ์ ไม่แสดงความรู้สึกที่มีอย่างแท้จริง เช่นรักกัน ห่วงใยกัน แต่กลับแสดงออกในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึก เหมือนมีกำแพงกั้นตลอดเวลา คนประเภทนี้ ซีพบมากที่สุดคะ"
ทั้งสามคนอึ้งๆเหมือนถูกซีทะลวงจิตใจ พ่อเศกครุ่นคิดและมองน้าลัดดาอย่างเก็บอารมณ์
ภายในห้องนอน ตอนกลางคืน
บรรยากาศในห้องสลัวๆไร้แสงส่องผ่าน ตานีหญิงสาวในชุดไทยแบบโบราณ สไบสีเขียวอ่อน เรือนร่างของเธอสูงโปร่ง ยาว ผิวขาว ผมดำยาวมันขลับ เธอลอยไปยังที่นอน และปลดชุดออกจนเผยให้เห็นเรือนร่างที่ขาวอวบ แม้จะอยู่ในความมืด
โภชน์ รูปร่างผอมขยับกาย เขารู้สึกเคลิ้มราวกับโดนสะกด เขาจ้องตานีด้วยความรักและลุ่มหลง...ใบหน้าตานีสวยคมราวกับเทพธิดา เธอมอบรอยยิ้มแสนยั่วยวนให้กับชายที่เธอปรารถนา
จากหน้าที่มีความสุขของโภชน์...ท่าทางเหมือนกำลังเสพสมกับผู้หญิงอยู่....
วิเศษ อาคม มหาเนิร์ด จอห์นนี่ ลุงนพยืนมองดูอยู่ห่างๆ....ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจกับท่าทีของโภชน์ อาคมมองไปที่รูปถ่ายของโภขน์ที่แขวนอยู่ที่ผนัง....จะเห็นว่า โภชน์เป็นคนอ้วนท้วม สมบูรณ์ ......
จากโภชน์ มายังห้องนอนของเป้าที่ยังแข็งแรง น้ำหนักปกติ....เป้านอนบนเตียงสีหน้ามีความสุขอย่างที่สุด....ทุกคนได้กลิ่นหอมของใบกล้วย...
มหาเนิร์ดบอก
"กลิ่นหอมเหมือนใบตองอ่อนเลย"
"แถวนี้ก็ไม่มีต้นกล้วยนะ" จอห์นนี่บอก
อาคมมองหาไปทั่วห้อง สายตาไปสะดุดกับสิ่งของบางอย่าง อาคมเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดู
เห็นหยวกกล้วยถูกแกะสลักเป็นรูปผู้หญิง...อาคมชูให้อาจารย์วิเศษดู
"เรารีบไปบ้านที่เหลือดีกว่า" วิเศษบอก
พ่ออู๊ดบอก
"กำนันกำนัน...ไอ้อู๊ดมันไม่ได้อยู่ในห้อง"
ลุงนพถาม
"แล้วมันไปไหน...ไปตั้งแต่เมื่อไร"
แม่อู๊ดบอก
"เมื่อตอนเย็นฉันไปเรียกกินข้าว...มันยังอยู่ในห้องเลย"
"เวลาอย่างนี้ถ้าไม่อยู่บ้านแล้วอู๊ดชอบไปอยู่ที่ไหนครับ" วิเศษถาม
"ปกติก็ชอบไปตั้งวงกินเหล้ากับเพื่อนๆ แต่ช่วงหลังๆนี้ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง"
จอห์นนี่บอก
"ถ้าจะไม่ได้การแล้วละครับอาจารย์"
"จ้อนคิดว่าอู๊ดไปที่ดงกล้วยเหรอ" อาคมถาม
"ถ้าไปที่อื่นก็ไม่เป็นไร...ไม่น่าห่วง"
"แต่ถ้าไปที่ดงกล้วย...ผลลัพธ์น่าจะเป็นเหมือนสี่คนที่ผ่านมา" วิเศษบอก
"ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปที่ดงกล้วยกันดีกว่าครับ"
"ไป...ถ้าไม่พบค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน"
วิเศษหันไปบอกพ่อแม่อู๊ด
"ลุงกับป้าช่วยไปถามตามบ้านเพื่อนๆของอู๊ดด้วยนะครับ"
ทั้งหมดขึ้นรถขับออกไปอย่างเร็ว
ดงกล้วยตอนกลางคืน ต้นกล้วยตานีที่กลุ่มหมอผีฟันล้มลงก่อนหน้านี้
อู๊ดเดินไปตามทางระหว่างต้นกล้วย นางตานีเท้าไม่ติดดินเดินนำหน้า
นางตานียืนมองอู๊ดติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าตัวเองอย่างสงบนิ่ง สายตามองแน่วแน่ไปที่อู๊ด นางตานีแต่งตัวกลมกลืนกับต้นกล้วยที่อยู่รอบๆ อู๊ดเตรียมอุปกรณ์แบบคนที่ไม่รู้สึกตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น